ข้อควรรู้เกี่ยวกับ พรบ ภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง

พรบ ภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง

พรบ ภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง เป็นกฎหมายใหม่ที่ใช้แทนกฎหมายภาษีโรงเรือนและที่ดิน และกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ กฎหมายใหม่มีเป้าหมายเพื่อลดอุดมการณ์ทางสังคมและเพิ่มการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะจัดเก็บภาษีภายใต้การกำกับดูแลของอปท. ซึ่งหากมีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจริง จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับ อปท. เพื่อนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่นในด้านสังคมอื่น ๆ นอกจากนี้การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังสามารถลดการถือครองที่ดินเพื่อเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้อีกด้วย

ทำไมจึงต้องนำพรบ ภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างมาใช้จัดเก็บแทนภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ ?

เนื่องจากพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 และพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 เป็นกฎหมายที่ออกมานานแล้ว ทำให้เกิดปัญหาในการจัดเก็บภาษีสรรพากรและภาษีบำรุงท้องที่และข้อจำกัดด้านฐานภาษี อัตราภาษี และการลดหย่อนภาษีที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบัน ทำให้ อปท. มีรายได้ไม่เพียงพอในการพัฒนาท้องถิ่น รัฐบาลจึงต้องจัดสรรงบประมาณเพื่ออุดหนุนเพิ่มเติม

  1. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน มูลค่าฐานรายปีหรือค่าเช่ารายปีในการประเมินภาษีจึงซ้ำซ้อนกับการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน การประเมินราคาประจำปีให้อยู่ในดุลยพินิจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการกำหนดค่าเช่าที่พึงจะเช่าได้ในหนึ่งปี นอกจากนี้ ยังกำหนดอัตราภาษีในอัตราที่สูงมาก คือร้อยละ 12.5 ของค่าธรรมเนียมรายปีหรือคิดเป็นค่าเช่าครึ่งเดือน
  2. ภาษีบำรุงท้องที่ มี 2 แบบ คือ

ฐานภาษีไม่เป็นปัจจุบัน เนื่องจากพื้นที่ที่ใช้ในการประเมินภาษีในปี พ.ศ. 2521 – 2524 นั้นลดลงจากพื้นที่ที่ใช้ในการประเมินภาษีในปี พ.ศ. 2541 – 2554 และยังมีพื้นที่ที่ดินที่ใช้คำนวณภาษีลดลงมาก

อัตราภาษีถูกกำหนดตามมูลค่าที่ดินเฉลี่ยถึง 34 ระดับและถดถอย ที่ดินที่มีมูลค่าสูงจะถูกเก็บภาษีในอัตราภาษีเฉลี่ยที่ต่ำกว่าที่ดินที่มีมูลค่าต่ำ

ประโยชน์ของการจัดเก็บพรบ ภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง

  1. ลดความเหลื่อมล้ำผู้ที่มีทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงจะต้องเสียภาษีมากกว่าทรัพย์สินที่มีมูลค่าต่ำ จะทำให้เกิดความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
  2. เพิ่มประสิทธิภาพโดยลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการประเมินภาษี และสนับสนุนให้เจ้าของที่ดินใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่า รวมทั้งลดปัญหาการกักตุนที่ดินเพื่อเก็งกำไร รวมทั้งส่งเสริมให้มีการกระจายการถือครองที่ดิน
  3. เพิ่มรายได้ อปท.มีรายได้เพียงพอที่จะนำไปใช้ในการลงทุนและให้บริการสาธารณะที่มีคุณภาพแก่ประชาชนในพื้นที่มากขึ้น
  4. ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของ อปท. เพื่อให้การจัดเก็บภาษีทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งติดตามการใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนในพื้นที่ เพื่อพัฒนาท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชน

ผู้ที่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีดังนี้

  1. เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
  2. เจ้าของอาคารชุด
  3. ผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรืออาคารที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ

ทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

  1. ทรัพย์สินสาธารณะของรัฐ
  2. ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์
  3. ทรัพย์สินของรัฐหรือของราชการที่ใช้ในกิจการของรัฐหรือของรัฐหรือในกิจการสาธารณะ
  4. สนธิสัญญาหรือความตกลงด้านภาษีอากรขององค์การสหประชาชาติหรือองค์การระหว่างประเทศอื่นที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้องยกเว้นภาษีตามสนธิสัญญาหรือความตกลง
  5. ทรัพย์สินที่เป็นที่ทำการของสถานทูตหรือสถานกงสุลในต่างประเทศบนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
  6. ทรัพย์สินของสภากาชาดไทย
  7. ทรัพย์สินทางศาสนาของศาสนาใด ๆ ห้ามนำไปใช้เพื่อหากำไร
  8. ทรัพย์สินที่ใช้เป็นป่าช้าหรือฌาปนสถานสาธารณะโดยมิได้ทำประโยชน์ใด ๆ
  9. ทรัพย์สินที่เป็นของมูลนิธิหรือองค์การมหาชน เว้นแต่จะนำไปใช้เพื่อประโยชน์
  10. ทรัพย์สินส่วนตัวเฉพาะส่วนที่ทางราชการอนุญาตให้จัดสาธารณประโยชน์หรือทรัพย์สินส่วนตัวที่ใช้สาธารณประโยชน์เจ้าของทรัพย์สินนั้นมิได้ใช้ หรือแสวงหาผลประโยชน์ในทรัพย์สินนั้น
  11. ทรัพย์ส่วนกลางตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดซึ่งเป็นสาธารณูปโภคตามกฎหมายว่าด้วยที่ดินจัดสรรที่มิได้มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์
  12. ทรัพย์สินตามที่พระราชกฤษฎีกากำหนด

การกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

โดยจะแบ่งอัตราตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนี้

  1. อัตราเพดานเกษตรกรรม 2% อัตราที่อยู่อาศัย 2% อัตราอื่น ๆ 2% (เช่น พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม) ร้อยละ 2, 4 ที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามควรแก่สภาพของที่ดิน ร้อยละ 5

อัตราพรบ ภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างที่เก็บจริงจะกำหนดดังนี้

ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการเกษตรและบ้านหลังใหญ่จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 0.5% ของมูลค่าของมัน ถ้าไม่เกิน 50 ล้านบาท ให้ยกเว้นภาษีตามจริง ถ้าเกิน 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท คิดร้อยละ 0.05 และถ้าเกิน 100 ล้านบาท คิดร้อยละ 0.10

  1. ที่ดินและอาคารที่อยู่อาศัยประเภทที่ 2 ในส่วนของผู้ที่มีที่อยู่อาศัยหลายหลัง ภาษีสำหรับที่อยู่อาศัยอื่นที่ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลักจะถูกเรียกเก็บในอัตราดังนี้ มูลค่าทรัพย์สิน น้อยกว่า 5 ล้านบาท อัตราภาษีที่แท้จริง 0.03% มากกว่า 5 ล้าน ไม่เกิน 10 ล้าน อัตราภาษีที่แท้จริง 0.05% มากกว่า 10 ล้าน ไม่เกิน 20 ล้าน อัตราภาษีที่เก็บจริง 0.10% , มากกว่า 20 ล้าน น้อยกว่า 30 ล้าน อัตราภาษีที่แท้จริง 0.15, มากกว่า 30 ล้าน, ไม่เกิน 50 ล้าน, อัตราภาษีที่แท้จริง 0.20% และสุดท้ายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป
  2. ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเภทอื่นที่ใช้เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนอกจากเพื่อการเกษตรและที่อยู่อาศัย อัตราภาษีที่ต้องชำระดังนี้ ทรัพย์สินมูลค่าไม่เกิน 20 ล้าน อัตราภาษีที่แท้จริง 0.3% มูลค่าทรัพย์สิน 20 ล้านแต่ไม่เกิน 50 ล้าน อัตราภาษีที่แท้จริง 0.5% ทรัพย์สินมูลค่าเกิน 50 ล้านแต่ไม่เกิน 100 ล้าน อัตราภาษีที่เก็บจริง ร้อยละ 0.7 หากทรัพย์สินมีมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7,000 ล้านบาท ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 2.5 หากทรัพย์สินมีมูลค่ามากกว่า 7,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ให้เสียภาษีในอัตราร้อยละ 2.9 และมากกว่า 10,000 ล้านบาทขึ้นไป 3 เปอร์เซ็นต์